หลังจากคอลีฟะห์แห่งดามัสกัสถูกโค่นล้มในปี ค.ศ. 750 และสถาปนาคอลีฟะห์วงศ์อับบาซิยะห์ขึ้นแทนที่แบกแดด อับดุรรอฮมาน บิน มุอาวิยะห์ (عبد الرحمن الداخل) หลานของอดีตคอลีฟะห์ฮิชาม ซึ่งรอดพ้นจากการสังหารหมู่ของพวกอับบาซิยะห์มาได้อย่างหวุดวิด ได้หลบหนีไปยังอัฟริกาเหนือ

ที่นั่นเขาได้สั่งให้คนรับใช้ที่ชื่อบัดรฺ?ติดต่อกับพรรคพวกของวงศ์อุมัยยะห์ในสเปนอย่างลับๆ เมื่อแน่ใจว่าจะมีผู้สนับสนุนเพียงพอ จึงตัดสินใจข้ามไปยังสเปนในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 755 ปรากฏว่ากองทัพของเขาเอาชนะทหารของยูซุฟ บิน อับดุรรอฮมาน อัลฟิห์รีย์ (يوسف بن عبد الرحمن الفهري) ใกล้ๆกับเมืองคอร์โดบาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 756 และสถาปนาตนเองเป็น อะมีรแห่งอันดาลูเซีย

ตลอดสมัยการปกครองเขา(ค.ศ. 756-788) ได้สถาปนาอำนาจของวงศ์อุมัยยะห์ให้เข้มแข็งด้วยการเชิญชวนผู้สนับสนุนอุมัยยะห์จากซีเรียให้อพยบมายังสเปน ปราบปรามชาวอาหรับและเบอร์เบอร์ที่กระด้างกระเดื่องต่อวงศ์อุมัยยะห์ หรือแม้แต่กับญาติสนิทที่คิดทรยศ? ขณะเดียวกัน อัสตูเรียส รัฐคริสเตียนทางตอนเหนือได้รุกเข้าไปยังดินแดนของอาหรับ ระหว่างที่เกิดปัญหาการเมืองภายใน ทำให้เขาต้องนำกองทัพไปปราบ ซึ่งในที่สุด กษัตริย์แห่งอัสตูเรียสก็ยอมลงนามสงบศึกเป็นระยะเวลา 20 ปี (ตั้งแต่ ค.ศ. 767 ถึง 786)

ค.ศ. 778 ผู้ว่าการเมืองบาร์เซโลนา ลูกเขยของยูซุฟ บิน อับดุรรอฮมาน อัลฟิห์รีย์ก่อกบฏและขอความช่วยเหลือจากพวกแฟรงก์ แต่เมื่อกษัตริย์ชาลส์ เลอมองของแฟรงก์ยกทัพมาถึงซาราโกซา (Saragossa อาหรับเรียก ซารากุสเฏาะห์) ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบาร์เซโลนา ชาวเมืองกลับปฏิเสธที่จะเปิดประตูเมือง จึงถูกพวกแฟรงก์ล้อมไว้ แต่ไม่นานก็ต้องยกทัพกลับเมื่อมีข่าวการก่อกบฏในฝรั่งเศส ทัพระวังหลังของพวกแฟรงก์ภายใต้การนำของเจ้าชายโรแลนด์ถูกพวกบาสก์ซุ่มโจมตีที่รองเคสวาลล์จนเจ้าชายโรแลนด์เสียชีวิต ปรากฏอยู่ในบทประพันธ์ที่มีชื่อเสียงของยุโรปยุคกลาง ชื่อ Chansen de Roland 

ถึงแม้จะเป็นอิสระจากอำนาจของคอลีฟะห์วงศ์อับบาซิยะห์แห่งอิรัค แต่เขาก็ยังรูปแบบการปกครองท้องถิ่นตามแบบที่ข้าหลวงซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากดามัสกัสก่อนหน้านี้ปฏิบัติ คอร์โดบายังคงเป็นศูนย์กลางการปกครอง เรียกตนเองว่า ?อะมีร?? แม้แต่ในปีแรกๆที่เขามีอำนาจก็ยอมให้มีการกล่าวนามของคอลีฟะห์วงศ์อับบาซิยะห์ในระหว่างคุฏบะห์วันศุกร์ ช่วงกลางสมัยของเขามีการจัดตั้งกองทหารรับจ้าง ประกอบด้วยทหารชาวเบอร์เบอร์และพวกมัมลูก (ทาสผิวขาวที่ซื้อมาจากยุโรปตอนเหนือ) ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีกว่า 40,000 คน? ด้วยความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน เขาได้สร้างพระราชวังใกล้คอร์โดบา ชื่อ อัรรอศอฟฟะห์ เลียนแบบพระราชวังฤดูร้อนในซีเรีย ที่เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก เขาเคยพำนักอยู่กับปู่(คอลีฟะห์ฮิชาม) พระราชวังแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบอุมัยยะห์ มีท่อส่งน้ำเข้าสู่อาคาร จัดให้มีสวนไม้ประดับ ซึ่งกลายเป็นอย่างการจัดอาคารของยุโรปในภายหลัง ปลูกพันธุ์พืชที่นำมาจากตะวันออกกลาง เช่นต้นทับทิม ลูกท้อ และต้นปาล์ม เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 788 ขณะอายุเกือบจะ 60 ปี

ฮิชามที่ 1 (هشام بن عبد الرحمن الداخل) บุตรชายคนที่สองของอับดุรรอฮมาน อ้างสิทธิการเป็นทายาท ทำให้พี่ชายที่ชื่อสุลัยมานและน้องชายชื่ออับดุลลอฮฺต้องถูกเนรเทศไปยังอัฟริกาเหนือ ตลอดยุคสมัยของเขา(ค.ศ. 788-796) การเมืองภายในมีความมั่นคง เขาให้การยอมรับคำสอนตามสำนักคิด(มัซฮับ)มาลิกีย์ และได้กลายเป็นสำนักคิดที่เป็นทางการของมุสลิมสเปนนับตั้งแต่นั้น ฮิชามเสียชีวิตขณะอายุเพียง 40 ปี แต่ก่อนที่จะเสียชีวิต ได้แต่งตายลูกชายที่ชื่ออัลฮะกัม (الحكم بن هشام) เป็นทายาท(ค.ศ. 796-822)

ความยุ่งยากเกิดขึ้นเมื่อสุลัยมานและอับดุลลอฮฺ ผู้เป็นลุงกลับมาอ้างสิทธิที่เคยถูกฮิชามแย่งไป ปรากฏว่ากองทัพของสุลัยมานพ่ายแพ้ไปขณะพยายามจะบุกเข้าคอร์โดบา สุลัยมานถูกสังหารในที่สุดที่เมริดา ส่วนอับดุลลอฮฺซึ่งพยายามขอความช่วยเหลือจากชาล์ส์เลอมอง ถูกจับได้และถูกจำกัดบริเวณที่วาเลนเซียจนกระทั่งเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เมืองซากาโกซา โทเลโดและเมริดาได้ก่อกบฏขึ้น แต่ทั้งหมดก็ถูกปราบปรามลง อัลฮะกัมได้สั่งให้สร้างป้อมปราการแห่งทูเดลา ทางตอนเหนือของซาราโกซา เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชายแดนตอนเหนือ ที่โทเลโด อัลฮะกัมได้วางแผนให้มีการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมต่อชนชั้นขุนนางซึ่งเป็นมุสลิมใหม่(มุวัลลัด) ที่มักก่อกบฏอยู่เสมอเมื่อได้โอกาส

ในระหว่างที่อัลฮะกัมปราบปรามกบฏที่เมริดา ซึ่งใช้เวลานานถึง 7 ปีนั้น แผนการยึดอำนาจโดยให้ลูกพี่ลูกน้องขึ้นเป็นอะมีรแทน ถูกเปิดเผยขึ้นมา ทำให้เขาสั่งกำจัดผู้วางแผนอย่างโหดร้าย สร้างความโกรธเคืองให้กับประชาชน ซึ่งไม่พอใจพฤติกรรมส่วนตัวของอัลฮะกัม ซึ่งห่างเหินศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว? จนในที่สุด นำไปสู่การจราจลของเขตอัรระบัต ชานเมืองคอร์โดบา ภายใต้การนำของผู้นำศาสนาชาวเบอร์เบอร์ที่อัลฮะกัมเกือบจะต้องแลกมันกับบัลลังก์และชีวิต แต่ในที่สุดชาวเมืองก็ถูกปราบลงได้ ผู้นำกบฏถูกสั่งตัดหัว บ้านเรือนในเขตที่ก่อกบฏถูกเผาทำลาย และประชาชนกว่า 20,000 คน ถูกเนรเทศให้ออกจากสเปน ส่วนหนึ่งอพยบไปยังเมืองเฟซในโมรอคโค อีกส่วนหนึ่งได้สถาปนาอาณาจักรของพวกตนขึ้นบนเกาะครีต (อาณาจักรนี้ยืนหยัดอยู่จถึงปี ค.ศ. 961 เมื่อกรีกยกทัพมาตีเกาะนี้คืน) นโยบายที่สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนโดยทั่วไปนี้ ผลักดันให้เขาต้องอาศัยทหารรับจ้างมาช่วยค้ำจุนอำนาจ ยุคนี้เองที่มุสลิมพื้นเมือง(มุวัลลัด)? เบอร์เบอร์ และอดีตทาสที่เคยเป็น ทหารรับจ้าง เข้ามามีบทบาทในการปกครอง เคียงข้างกับชาวอาหรับ การวางรากฐานที่มั่นคงของอัลฮะกัม ทำให้ยุคสมัยของอับดุรรอฮฺมานที่ 2 (عبد الرحمن الثاني)ผู้เป็นทายาท(ค.ศ. 822-852) เป็นยุคที่สงบ และความเจริญทางด้านวิทยาการเฟื่องฟูขึ้น

การรบกับรัฐคริสเตียนตอนเหนือสามครั้งประสบความสำเร็จ โจมตีอะลาบาและแคสตีล และรุกเข้าไปในดินแดนกาลิเซียที่ขณะนั้นปกครองโดยอัลฟองโซที่ 2 ในการรบบาเซโลนา( อาหรับเรียก บัรชิลูนะห์) และเจโรนา แม้เขาไม่สามารถยึดเมืองทั้งสองได้ แต่ในปี ค.ศ. 841 กองทัพของมุสลิมสเปนก็สามารถรุกไปถึงดินแดนของฝรั่งเศสอีกครั้ง  สามปีต่อมา โจรสลัดนอร์ทแมนด์จากคาบสมุทรสแกนดิเนเวียบุกปล้นสะดมเมืองต่างๆริมมหาสมุทรแอตแลนติค เมืองลิสบอน( อาหรับเรียก อัล อุชบูนะห์)ถูกโจมตีอย่างหนัก หลังจากนั้นโจรสลัดยกมายึดเมืองคาดิส เมืองเซวิลล์ (อาหรับเรียก อิชบิลิยะห์) ที่ปราศจากการป้องกันถูกปล้นสะดม ชาวเมืองที่ไม่สามารถหลบหนีทัน ถูกฆ่าตายหรือไม่ก็ถูกจับไปเป็นทาส อับดุรรอฮมานที่ 2 ต้องระดมกำลังทหารเพื่อขับไล่โจรสลัดเหล่านี้ออกไป และสร้างแนวป้องกันและทัพเรือ เมื่อโจรสลัดเหล่านี้กลับมาโจมตีอีกในปี ค.ศ. 859 และ 866 จึงถูกขับไล่ออกไปอย่างง่ายดาย ด้านความสัมพันธ์กับรัฐอื่นๆ มีความพยายามในการสานสัมพันธ์กับไบแซนไทน์ เนื่องจากมีศัตรูร่วมกันคือคอลีฟะห์วงศ์อับบาซียะห์แห่งแบกแดดและอาณาจักรแฟรงก์แห่งฝรั่งเศส มีการส่งทูตติดต่อกัน แม้ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

ถึงตอนนี้ สเปนภายใต้การปกครองของอะมีรแห่งอันดาลูเซีย กลายเป็นดินแดนที่มีมั่งคั่งที่สุดในบรรดารัฐริมทะเลเมดิเตอเรเนียน การค้าและอุตสาหกรรมสิ่งทอที่เฟื่องฟู สร้างรายได้ให้กับอาณาจักร คอร์โดบาและเซวิลล์กลายเป็นศูนย์ทางการค้าที่มีชีวิตชีวา ความเป็นอยู่ของอะมีรที่โอ่อ่า หรูหรา ให้การส่งเสริมดนตรีและศิลปะ ให้ความสนใจในการอุปถัมภ์การศึกษาวิชาการแขนงต่างๆ แสดงให้เห็นความพยายามเทียบชั้นกับคอลีฟะห์แห่งแบกแดด ยุคนี้เองที่นักปราชญ์อย่างอิบนุ ฟิรนาสและซิรยาบมีชีวิตอยู่ในสเปน

อารยธรรมความเป็นอยู่ของชาวอาหรับ ยั่วยวนคริสเตียนสเปนให้เลียนแบบ แม้จะไม่ยอมรับนับถืออิสลามก็ตาม ยอมที่จะถอดเสื้อตามแบบของตะวันตกยุคกลางมาใส่เสื้อผ้าที่เบาบางและมีสีสรรอันงดงามของอาหรับ โดยอ้างว่ามันจะสะดวกสบายกว่า รู้จักการใช้เครื่องเทศในการปรุงแต่งอาหาร และรู้จักดนตรีอันไพเราะของอาหรับ ยอมรับที่จะเรียนรู้วิทยาการและศิลปะอันงดงามของอาหรับ กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งการอยู่ร่วมกันที่เรียกกันว่า โมซาแรบ(Mozarab มาจากคำว่า มุสตะอฺริบ แปลว่าผู้ที่ยอมรับภาษาและวิถีของชาวอาหรับ) อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาโต้ตอบของผู้นำคริสเตียนรุนแรงขึ้น เมื่อพบว่าคริสเตียนสเปนจำนวนมากหันมานับถืออิสลาม บาทหลวงเปอร์เฟคตุสได้กล่าวดูถูกเหยียดหยามท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ต่อหน้าสาธารณชน บาทหลวงถูกลงโทษประหารชีวิตในปี ค.ศ. 850 จนได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญ กระตุ้นให้หนุ่มสาวคริสเตียนอีกหลายคนให้กระทำการลักษณะดังกล่าว แม้จะรู้ถึงชะตากรรมของตนว่าสุดท้ายจะลงเอยแบบใด แค่เวลาไม่ถึงสองเดือน มีคริสเตียนที่ยอมตายด้วยการกระทำดังกล่าวถึง 11 คน

ช่วงปลายสมัยของอับดุลรอฮมานที่ 2 มีความพยายามลอบสังหารเขา แต่ไม่ประสบผล อย่างไรก็ตาม เขาเสียชีวิตในอีก 2 ปีต่อมา มุฮัมมัดที่ 1 (محمد بن عبد الرحمن الأوسط‎)บุตรชายได้เป็นอะมีรสืบแทน (ค.ศ. 852-886) ปรากฏว่าเกิดการกบฏของหัวเมืองสำคัญๆ ทั่วสเปน จนอำนาจของอะมีรเหลืออยู่เพียงรอบๆคอร์โดบาเท่านั้น ที่นับว่าอันตรายที่สุดก็คือการก่อกบฏของอุมัร บิน ฮัฟซูน (عمر بن حفصون) ฐานกำลังสำคัญอยู่ที่ป้อมโบบาสโตร (Bobastro) มุฮัมมัดเสียชีวิตขณะนำกำลังไปปราบกบฏอุมัร อัลมุนซิร (المنذر)ผู้เป็นทายาท สืบอำนาจต่อมาเพียงระยะเวลาสั้นๆ (ค.ศ. 886-888)




พระราชวัง มะดีนะฮฺ อัซซะฮฺรออฺ นอกเมืองคอร์โดบา

ประตูเมืองและสะพานอัลกันตะเราะห์ เมืองโทเลโด สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 866(ซ้าย)

ป้อมปราสาท Gormaz สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 956 สมัยอัลฮะกัมที่ 2 เพื่อเป็นฐานในการควบคุมรัฐคริสเตียนตอนเหนือ (ขวา)

Cristo de la Luz เมืองโทเลโด เดิมคือมัสยิด Bab Almardum สร้างในปี ค.ศ. 999-1000

อับดุลลอฮฺ (عبد الله بن محمد)น้องชายของอัลมุนซิร สือต่ออำนาจต่อมา (ค.ศ.888-912) การแก่งแย่งชิงอำนาจในวัง เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลุกฮือของหัวเมืองต่างๆ และความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ ทำให้สเปนยุคนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มุสลิมพื้นเมือง(มุวัลลัด)ตั้งรัฐอิสระของตนขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ และรบพุ่งกับอาหรับที่ปกครองเขตเอลไวรา เช่นเดียวกับในเซวิลล์ ที่ความขัดแย้งระหว่างอาหรับกับชนพื้นเมืองลงเอยด้วยการก่อตั้งรัฐอิสระที่มีอิบรอฮิม บิน ฮัจญาจเป็นผู้นำ ต่อมากลายเป็นญาติกับอุมัร บิน ฮัฟซูน ผ่านการแต่งงาน โทเลโดแยกตัวโดยตระกูลซุนนูน ขณะที่ตระกูลกูซีย์ได้ปกครองซาราโกซา

อับดุลรอฮฺมานที่ 3 (عبد الرحمن الثالث ค.ศ. 912-961) กลายเป็นบุคคลที่มากอบกู้สถานการณ์ของอะมีรวงศ์อุมัยยะห์ ตอนที่เขารับตำแหน่ง มีอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น แต่ด้วยความที่เป็นคนมุ่งมั่นและปราดเปรื่อง ทำให้เขาสามารถกอบกู้ดินแดนของมุสลิมสเปนให้กลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง เอซิจา (อาหรับเรียก อิสตะญะห์) ยอมจำนนในปีแรกที่เขาเป็นอะมีร ตามด้วยเมืองอาร์ชิโดนา (อาหรับเรียก อุรดูซูนะห์) และเซวิลล์ในปีต่อมา ป้อมโบบาสโตรของอุมัร บิน ฮัฟซูนถูกเขายึดได้ในปี ค.ศ. 917 และโทเลโด ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขหลังจากที่ต่อต้านอยู่นาน 3 ปี?ในช่วงที่ติดพันกับสงครามภายในอยู่นั้น รัฐคริสเตียนตอนเหนือมักบุกเข้ามาคุกคามชายแดนมุสลิมอยู่บ่อยครั้ง? ค.ศ. 914 รัฐลิยองยึดป้อมซาน เอสเตอบานไว้ได้ พร้อมตัดคอแม่ทัพมุสลิมเสียบประจานไว้ข้างหัวสุกร อับดุรรอฮมานจึงยกทัพไปราบปราม ได้รับชัยชนะที่วัล เดอ จุนเควราส (Val de junqueras) และการรบที่เมซและแพมโพลนา(เมืองหลวงของนาวาเรีย อาหรับเรียก บัมบะลูนะห์) ทำให้รัฐลิยองและนาวาเรียต้องยอมจำนนในที่สุด แต่สงครามในปี ค.ศ. 939 ทัพอับดุรรอฮมานพ่ายแพ้ต่อทัพผสมของรามิโอที่ 3 แห่งลียอง และราชินีโททาแห่งนาวาเรีย ที่อัลฮันเดกา (มาจากภาษาอาหรับ อัลคอนดัก) ตอนใต้ของซาลามังกา อย่างไรก็ตาม ต่อมา ราชินีโททาต้องเดินทางมาเข้าพบอับดุรรอฮมาที่คอร์โดบาเพื่อขอความช่วยเหลือทางทหารและรักษาโรคอ้วนของหลานที่ชื่อซานโจ

ทางด้านชายแดนตอนใต้ เพื่อป้องกันการโจมตีของคอลีฟะห์วงศ์ฟาฏิมิยะห์ซึ่งมีฐานอำนาจอยู่ที่ตูนิเซีย อับดุรรอฮมานได้ส่งทัพเรือเข้ายึดเมืองท่าซับตะห์ (Ceuta) ฏอนญะห์ (Tangier) และเมลลิละห์ (Mellila) ดินแดนหลายแห่งในโมรอคโคยอมตกลงที่จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอับดุรรอฮมาน

เมื่อถึงสิ้นปี ค.ศ. 928 อับดุรรอฮมานที่ 3 ถึงจุดสูงสุดแห่งอำนาจ เขาสถาปนาตัวเองเป็นคอลีฟะห์ เรียกตนเองว่า คอลีฟะห์อันนาซิร ลิดดี นิลลาฮฺ ทำให้โลกอิสลามขณะนั้นมีคอลีฟะห์ถึง 3 คนในคราวเดียวกัน คือคอลีฟะห์วงศ์อับบาซิยะห์แห่งแบกแดด วงศ์ฟาฏิมิยะห์แห่งตูนิเซีย(ต่อมาย้ายไปอียิปต์) และวงศ์อุมัยยะห์แห่งอันดาลูเซีย ความรุ่งเรืองทางสถาปัตยกรรมและศิลปะวิทยาการของอุมัยยะห์แห่งอันดาลูเซียถึงจุดสูงสุดในยุคของอับดุรรอฮมาน ฐานะของคอลีฟะห์แห่งอันดาลูเซียรู้จักกันในยุโรปขณะนั้นว่าเป็นผู้ครองอาณาจักรที่มีความร่ำรวย มั่งคั่งและมีความเป็นอยู่ที่โอ่อ่าหรูหรา ทุกปีจะมีทูตจากไบแซนไทน์ เยอรมัน อิตาลีและฝรั่งเศษมาเจริญสัมพันธ์ไมตรี? อิบนุ อิซารีย์ นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัย บันทึกถึงนครคอร์โดบา เมืองหลวงของอันดาลูเซียว่ามีประชากรประมาณ 500,000 คน บ้านเรือน 113,000 หลัง และมัสยิด 3,000 แห่ง นอกจากแบกแดดและคอนสแตนติโนเปิลแล้ว ไม่มีเมืองใดจะยิ่งใหญ่เท่าคอร์โดบา พระราชวังของคอลีฟะห์อยู่บนภูเขาเซียราโมเรนา ริมฝั่งแม่น้ำกัวดัลคีวีร์ (Guadalquivir มาจากภาษาอาหรับ Wadi al-Kabir) ห่างจากคอร์โดบาประมาณ 7 ก.ม. เรียกกันว่า มะดีนะฮฺ อัซซะฮฺรออฺ (المدينهُ الزهراء) ใช้คนงานก่อสร้างประมาณหมื่นคน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 936-940 ใช้หินอ่อนที่นำมาจากนูมิเดียและคาร์เทจ เสาหินจากไบแซนไทน์ รอบๆพระราชวังแบ่งเป็นพื้นที่ 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นสวนดอกไม้ ค่ายทหารและตลาด ชั้นที่สองเป็นที่พักของบรรดาขุนนาง ส่วนพระราชวังอยู่ชั้นบนสุด มีห้องโถง 400 ห้อง มีสระน้ำขนาดใหญ่และบริเวณชมทิวทัศน์อยู่ด้านหน้า จากบันทึกของอิบนุ อิซารีย์ ระบุว่าที่พระราชวังแห่งนี้ มีทหารรับจ้างต่างชาติอยู่ถึง 3,750 คน

อัลฮะกัมที่ 2 (الحكم الثاني) เป็นทายาทสืบต่อจากอับดุรรอฮมาน (ค.ศ.961-976) นับเป็นผู้อุปถัมภ์การศึกษาและศิลปะคนสำคัญของวงศ์อุมัยยะห์ ในยุคนี้การโจมตีของพวกโจรสลัดนอร์ดแมนสองครั้งในปี 966 และ 971 ถูกขับไล่ออกไปอย่างง่ายดาย ทั้งนาวาเรียและลิยองก็ยอมสวามิภักดิ์ต่ออุมัยยะห์ แต่เมื่อลิยอง แคชตีล นาวาเรียและบาร์เซโลนารวมตัวกันเป็นพันธมิตร อัลฮะกัมก็นำทัพไปโจมตีแคชตีลด้วยตนเองในปี ค.ศ. 963 จนรัฐคริสเตียนเหล่านั้นต้องยอมลงนามสงบศึก ส่วนทางใต้ ภัยจากฟาฏิมิยะห์แทบจะหมดไป เมื่อคอลีฟะห์วงศ์ฟาฏิมิยะห์ย้ายไปอียิปต์

อย่างไรก็ตาม การตายของอัลฮะกัมในปี ค.ศ. 976 ทำให้วงศ์อุมัยยะห์ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ เนื่องจากผู้เป็นทายาท ฮิชามที่ 2 (ค.ศ. 976-1009) มีอายุเพียง 12 ปี อำนาจการปกครองที่แท้จริงตกเป็นของเสนาบดีที่ชื่อ มุฮัมมัด บิน อะบีอามีร หรืออัลมันซูร ( محمد بن عبد الله بن أبي عامر الحاجب المنصور , Almanzor ตามชื่อเรียกขานของชาวยุโรป) เขาพยายามรวบอำนาจในวังไปเป็นของตน กำจัดคู่แข่งการการเมืองจำนวนมาก? ความเด็ดขาดต่ออาชญากรทำให้เขาได้รับความนิยมจากชาวคอร์โดบา เขานำทัพเข้าโจมตีรัฐคริสเตียนหลายครั้ง ค.ศ. 981 ตีเมืองซาโมรา (อาหรับเรียกซัมมูเราะห์) ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และในระหว่างการทำสงครามกับพวกคริสเตียนครั้งที่ 13 เขาก็ยึดบาร์เซโลนามาได้อีก ปรากฏว่าในปี ค.ศ. 988 เขาบุกไปถึงเมืองลิยอง สำหรับอัฟริกาเหนือซึ่งปลอดอิทธิพลของฟาฏิมิยะห์แล้ว เขาพยายามซื้อความภักดีของผู้นำชาวเบอร์เบอร์ เผ่าซานะตะห์ ด้วยของกำนัลจำนวนมาก สามารถกำจัดพวกอิดรีซีย์ที่เหลืออยู่จนสิ้นซาก? เขาเสียชีวิตขณะกลับมาจากสงครามครั้งสุดท้ายของเขาในปี 1002

ถึงแม้ว่าอัลมันซูรจะทำให้อันดาลูเซียเป็นรัฐทหารที่มีความเข็มแข็ง แต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกองทัพด้วยการทำลายระบบชนเผ่า (แต่งตั้งผู้บัญชาการทหารโดยไม่คำนึงถึงระบบเผ่าของชาวอาหรับ) รวมทั้งเกณฑ์ทหารรับจ้างชาวเบอร์เบอร์จำนวนมาก ได้ทำลายสมดุลของอำนาจทางสังคมที่ประกอบไปด้วยหลากหลายชาติพันธุ์ของสเปนไป

ต้องเข้าใจว่า ตั้งแต่อุมัยยะห์ขึ้นมามีอำนาจ ผู้นำของวงศ์อุมัยยะห์พยายามรักษาความสมดุลระหว่างชนชาติอาหรับ ที่แบ่งเป็นสองพวกใหญ่ๆ คืออาหรับเหนือและใต้ ชนชาติเบอร์เบอร์ และสุดท้ายคือมุสลิมพื้นเมือง ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้นำวงศ์อุมัยยะห์มีอำนาจทางการเงินเพียงพอที่จะรักษาสมดุลดังกล่าวนี้ อะมีรสามารถที่จะหลอมรวมชาวอาหรับกับมุสลิมพื้นเมืองได้ไม่ยากเย็นนัก แต่เมื่อโครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป ชนพื้นเมืองสเปนเข้ารับนับถืออิสลามมากขึ้น ทำให้มุสลิมกลายเป็นชนส่วนใหญ่ของสเปน(ดูเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ใน การเมือง การปกครอง สภาพสังคมและเศรษฐกิจในยุคอุมัยยะห์ ) ตัวแทนของกลุ่มอำนาจในสังคมก็เพิ่มขึ้น จนวิธีการเดิมๆที่ผู้นำวงศ์อุมัยยะห์เคยใช้ ไม่บังเกิดผลอีกต่อไป

หลังอัลมันซูรเสียชีวิต อับดุลมะลิค อัลมุซัฟฟัร ลูกชาย สืบทอดตำแหน่งเสนาบดีแทน เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1008 โดยน้องชายที่ชื่ออับดุรรอฮมานสืบตำแหน่งต่อ (รู้จักกันในนามของซานเจโล เนื่องจากมีหน้าตาคล้ายคลึงกับกษัตริย์ซานโจ การ์เซส ที่ 2 แห่งนาวาเรีย ผู้เป็นตา) สภาพอนาธิปไตยที่มุสลิมสเปนเรียกกันว่า al-fitnah เริ่มก่อตัวขึ้น เขาบังคับให้ฮิชามที่ 2 ซึ่งเป็นคอลีฟะห์เพียงแต่ในนามตั้งแต่สมัยของบิดา ยกตำแหน่งคอลีฟะห์ให้ แต่ชาวเมืองคอร์โดบากลับสนับสนุนมุฮัมมัดที่ 2 ผู้อ้างตัวมาจากตระกูลอุมัยยะห์ ปรากฏว่าซานเจโลถูกสังหารในปี 1009 ส่วนมุฮัมมัดที่ 2 ก็ถูกสังหารจากกบฏเบอร์เบอร์ ลูกชายของอับดุรรอฮมานที่ 3 ที่ชื่อสุลัยมานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคอลีฟะห์แทน แต่ไม่นานก็ถูกปลดออก และฮิชามที่ 2 ได้รับการแต่งตั้งกลับมาใหม่ สุลัยมานร่วมมือกับเบอร์เบอร์โจมตีคอร์โดบาในปี ค.ศ. 1013 และสังหารฮิชามที่ 2 เสีย ค.ศ. 1016 นายทหารชื่ออะลี บิน ฮัมมูด (علي بن حمود)ยึดอำนาจการการปกครองในคอร์โดบาไว้ได้ สถาปนาตนเองเป็นคอลีฟะห์วงศ์ฮัมมูดิยะห์ แต่ไม่นานก็เกิดความขัดแย้งในวงศ์ฮัมมูดิยะห์ จนชาวเมืองคอร์โดบาต้องหันไปสนับสนุนอัลมุรตะฎอ คนของวงศ์อุมัยยะห์ขึ้นเป็นคอลีฟะห์แทน ท้ายที่สุด หลังจากความล้มเหลวในการรื้อฟื้นอำนาจของคอลีฟะห์ ชาวคอร์โดบาก็ตัดสินใจยกเลิกระบบคอลีฟะห์ เปลี่ยนไปเป็นระบบสาธารณรัฐแทน ตอนนั้น อำนาจของคอร์โดบาเหลือเพียงดินแดนโดยรอบเท่านั้น

ประวัติศาสตร์ของมุสลิมในสเปนนับตั้งแต่นี้ไป เข้าสู่ยุคที่เรียกว่า มุลูค อัฏ เฏาะวาอีฟ (ملوك الطوائف ภาษาสเปญเรียกว่า reyes de taifas หรือ party kings ในภาษาอังกฤษ) สเปนได้แตกเป็นรัฐเล็กๆปกครองโดยอะมีรหรือสุลต่านจำนวนมาก ที่สำคัญคือรัฐโทเลโด เซวิลล์ คอร์โดบา วาเลนเซีย(อาหรับเรียก บะลันซิยยะห์) และเกรนาดา (อาหรับเรียก ฆอรนาเฏาะห์)

---------------------------------------------------------------------

เรื่องที่เกี่ยวข้อง