“หากฝ่ายอาหรับมีชัยในสงครามนี้ ก็คงได้เห็นมัสยิดตั้งตระหง่านในลอนดอนและปารีสแทนที่จะเป็นมหาวิหารอย่างทุกวันนี้ และเสียงท่องจำอัลกุรอานก็คงมาแทนที่พระคัมภีร์ไบเบิลในออกซฟอร์ดและสถาบันศึกษาชั้นนำอื่นๆของยุโรปเป็นแน่”
 

El Ultimo Suspiro del Moro “สะอื้นสุดท้ายของพวกมัวร์” ชื่อที่คนในท้องถิ่นแถบนั้นเรียกเนินหินเตี้ยๆที่ครั้งหนึ่งเจ้าชายอาหรับยืนหันไปดูอาณาจักรของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เนินแห่งนี้อยู่นอกเมืองเกรนาดา ทางภาคใต้ของสเปน

เกิดขึ้นระหว่าง 15-20 สิงหาคม ค.ศ.636 ริมแม่น้ำยัรมูกในจอร์แดน ระหว่างกองทัพโรมันตะวันออก(ไบแซนไทน์)และกองทัพอาหรับของเคาะลีฟะห์รอชิดูนแห่งมะดีนะห์ ผลของสงครามเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจในซีเรียและตะวันออกกลางไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

 เรามักจะได้ยินเรื่องราวของปืนใหญ่พญาตานี ว่าหล่อโดยช่างชาวจีน นามลิ้มโต๊ะเคี้ยม ทั้งนี้ มีบันทึกประวัติศาสตร์อ้างอิงเรื่องนี้ที่สำคัญสองชิ้นคือ 

ช่วงทศวรรษที่ 1920 – 1930 มีบริษัทชาวอังกฤษได้รับสัมปทานให้เข้ามาสำรวจและต่อเรือขุดแร่ดีบุกในบริเวณหุบเขาที่เป็นแอ่งรูปกระทะของตำบลลำพะยา ตอนนั้นอยู่ในพื้นที่ของอำเภอสะเต็ง (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอเมืองยะลา

มุฮัมมัด อิบนุ มูซา อัลคอวาริซมีย์ (เสียชีวิตประมาณ ปี ค.ศ. 850) หนึ่งในนักปราชญ์ที่ทำงานในหอสมุดบัยตุลฮิกมะห์ และหอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ในมหานครแบกแดด ตลอดสมัยของเคาะลีฟะห์อัลมะมูน (ปกครองช่วงปี ค.ศ. 813-833)